หากใครที่กำลังวางแผนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ ไต้หวันถือว่าเป็นอีก 1 จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะว่านอกเหนือจากเป็นประเทศที่อากาศไม่ได้หนาวมากในช่วงปลายปี แต่ยังเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ผสานทั้งความร่วมสมัยเข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิมนับร้อยปีได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในทุกรูปแบบ ไม่ว่าท่านจะเป็นสายทาน สายช็อป สายเดินชมธรรมชาติ หรือชอบเดินในเมืองใหญ่ ที่นี้ ตอบโจทย์ทุกอย่าง ทุกความต้องการในที่เดียวกัน เป็นอีกจุดหมายปลายทางที่สามารถเดินทางด้วยตนเองได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะไปเที่ยวคนเดียว หรือไปกับเพื่อนก็สามารถเดินทางได้อย่างง่ายดาย ผ่านระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มาถึงตรงนี้ หลายท่านน่าจะเริ่มสนใจประเทศไต้หวันกันบ้างแล้ว ในบล็อกนี้ เราจะพาท่านไปชมสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำบางส่วน ที่เราคัดสรรและรวบรวมมาไว้ในที่เดียว
ไต้หวันนั้น เป็นหนึ่งในประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปี และแน่นอนว่า ย่อมมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญด้านประวัติศาตร์ที่อยากแนะนำให้ได้ไปเที่ยวกัน
เริ่มต้นที่อนุสรณ์สถานเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek Memorial Hall) ในกรุงไทเป ซึ่งเป็นอนุสรสถาน เพื่อรำลึกถึงเจียง ไคเชก ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานาธิบดีประเทศไต้หวัน ซึ่งในสถานที่นี้ ได้รวบรวมเรื่องราวประวัติศาตร์ของการก่อตั้งประเทศไต้หวัน ตั้งแต่สมัยสงครามกลางเมืองในจีนแผ่นดินใหญ่ รวมไปถึงชีวประวัติของเจียง ไคเชก นอกไปจากนี้ ในบางช่วง จะมีการแสดงการจัดระเบียบแถวของทหารประจำการ ซึ่งจะมีการแสดงเป็นรอบ ๆ ตรงหน้ารูปปั้นเจียง ไคเชก เรียกว่าถ้าหากใครต้องการศึกษาความเป็นมาของประเทศไต้หวัน ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เล่าประวัติศาสตร์ของประเทศได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สำหรับการเดินทางไปอนุสรณ์สถานเจียง ไคเชกนั้น สามารถเดินทางได้ง่าย ๆ เพียงนั่ง MRT สายสีเขียวหรือสายสีแดง ลงสถานี Chiang Kai-Shek Memorial Hall โดยที่นี่ ไม่เสียค่าเข้าชมใด ๆ ทั้งสิ้น เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น ตามเวลาของไต้หวัน
เรายังคงอยู่ที่กรุงไทเป แต่รอบนี้เรามาที่วัดหลงซาน ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในไต้หวันนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศขึ้นมา และด้วยความเก่าแก่นี้นั้น ย่อมทำให้เราสามารถศึกษาถึงการทำพิธีทางพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมในไต้หวันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เรายังได้สักการะบูชาเทพเจ้าต่าง ๆ ตามลัทธิเต๋าอันดั้งเดิมจากจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงอธิฐานขอพรจากพระและเทพเจ้าต่าง ๆ ที่อยู่รอบวัด ส่วนถ้าใครกำลังไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านความรักเป็นอย่างไร จะเจอคู่หรือไม่ ที่วัดนี้ก็มีการเสี่ยงทายหาคู่ด้วย สามารถเสี่ยงทายได้ 3 ครั้ง ซึ่งถ้าหากคว่ำหรือหงายเหมือนกันภายใน 3 ครั้ง แปลว่าเรามีสิทธิ์มีคู่ได้ แต่ถ้าหากอันหนึ่งคว่ำ อีกอันหงาย อย่าเพิ่งเสียใจไป หยิบด้ายแดงกลับไปบูชาต่อได้ (ใครทำนายสำเร็จก็อย่าลืมหยิบไปด้วยเช่นกัน) และแน่นอนว่า สำหรับใครที่เป็นสายมู วัดนี้ถือว่าเป็น A Must ในการเดินทางไปเลยครับ เพราะว่าเป็นวัดที่มีการขายเครื่องรางของขลังสำหรับการเสริมสร้างสิ่งสิริมงคลให้กับชีวิต แต่เมื่อซื้อเครื่องรางแล้ว ก็อย่าลืมไป activate ที่กระถางธูปใหญ่กลางวัดก่อนนะ ไม่งั้นเดี๋ยวไม่ขลัง สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปที่วัดหลงซาน สามารถเดินทางได้ง่าย ๆ ด้วย MRT สายสีฟ้า ลงสถานี Longshan Temple แต่ต้องเตือนไว้ก่อนนิดนึงว่า ถ้าหากใครเอากระเป๋าเดินทางมา แนะนำให้ฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ในสถานีอื่น ๆ ก่อน เพราะที่วัดไม่ให้เอาเข้าไปในโซนวัด
อีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำสำหรับผู้ที่ชอบดูของโบราณ นั่นคือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไต้หวัน ซึ่งอยู่ในไทเป แต่อาจจะอยู่โซนนอกเมืองออกไปนิดนึง ในพิพิธภัณฑ์นี้ เป็นสถานที่ที่รวบรวมผลงานศิลปะและวัตถุโบราณในประวัติศาสตร์ของจีนและไต้หวัน ซึ่งบางชิ้นมีอายุมากกว่า 8,000 ปีกันเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีสวนหย่อม และจุดถ่ายรูปหลายจุด ที่เรียกว่าเหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ที่ชื่นชอบธรรมชาติ สถาปัตยกรรม ผลงานศิลปะ และประวัติศาสตร์ในที่เดียวกัน สำหรับพิพิธภัณฑ์นี้ มีค่าเข้าชมคนละ 300 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ส่วนการเดินทาง อาจจะมีหลายขั้นตอนนิดหน่อย แต่ไม่ได้ยากมาก โดยถ้าเดินทางด้วย MRT สายสีแดง สามารถลงที่สถานี Shilin จากนั้นเดินไปที่จุดรอรถเมล์ และขึ้นรถเมล์หมายเลข 300, S18, S19 หรือ R30 ลงป้าย National Palace Museum ได้เลย หรือถ้าหากมาจากสายสีทอง ให้ลงที่สถานี Jiannan Rd. จากนั้นนั่งรถเมล์หมายเลข BR20, BL7, 957 ลงที่สถานี National Palace Museum ได้เช่นเดียวกัน หรือถ้าหากใครชอบปั่นจักรยาน ก็สามารถเช่าจักรยาน YouBike ขี่มาที่นั่นได้เช่นกันครับ (ฟรี 30 นาทีแรก แต่ต้องลงทะเบียนก่อนใช้งาน)
มาถึงผู้ที่ชื่นชอบการทาน หรือการช็อปกันบ้าง นี่คือตัวอย่างสถานที่ที่อยากแนะนำให้ลองไปดู ถ้าหากใครจะเดินทางไปไต้หวัน เพราะที่ไต้หวันนั้น มีขออร่อยเยอะมาก รวมถึงมีแหล่งชิม แหล่งช็อปที่หลากหลายมาให้เราได้เดินกันให้เมื่อขาไปข้างหนึ่ง
หากใครที่นึกถึงแหล่งช็อปปิ้งและแหล่งของกินที่เลื่องชื่อ ซีเหมิน (Ximen) ถือว่าเป็นแหล่งสำคัญที่สายทาน สายช็อปไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ด้วยบรรยากาศเมืองที่ใกล้เคียงกับโซนสยามในบ้านเรา ทำให้พื้นที่นี้ ไม่ขาดสีสันในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะไปตอนกลางวัน หรือสังสรรค์ตอนกลางคืน ก็สามารถเพลิดเพลินกับการชิมหรือช็อปได้ หนึ่งในร้านของกินที่ไม่อยากให้พลาด มีตั้งแต่ Mala Hot Pot ร้านหม่าล่าชื่อดังที่มีวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ใครเป็นสายเนื้อยิ่งห้ามพลาดเพราะในนั้นมีเนื้อวากิวที่มาจากอเมริกา หรือเนื้อแองกัสมาให้เลือกสรรค์กัน หรือถ้าใครชอบทานของหวาน ต้องไม่พลาดร้านโดนัทนมสด ซึ่งทำสดใหม่ตลอดเวลาการันตีความอร่อยได้ แต่ต้องเตือนไว้ก่อนนะว่า ร้านนี้แนะนำให้จ่ายเงินสด เพราะไม่รับบัตรเครดิตนะ สำหรับการเดินทางมา Ximen ง่ายนิดเดียว เพียงนั่ง MRT สายสีเขียวหรือสายสีฟ้า ลงที่สถานี Ximen ได้เลย
หากใครชอบอาหารทะเล และอยากได้ประสบการณ์ดินเนอร์แบบมีระดับหน่อย แนะนำให้มาที่ Taipei Fish Market เพราะที่นั่นได้รวบรวมสุดยอดอาหารทะเลที่หลากลาย จับสด ๆ ทานสด ๆ กันที่นั่นได้เลย นอกจากนี้ ใน Taipei Fish Market ยังมีโซนช็อปปิ้งซื้อสินค้าอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด หรืออาหารแปรรูป และที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อซื้อมาแล้ว สามารถให้ทางร้านอาหารปรุงอาหารทานได้เลย จะมาจิบไวน์ หรือมาทานซีฟู้ด รับรองได้เลยว่า มา Taipei Fish Market แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน สำหรับการเดินทางนั้น สามารถเดินทางได้ด้วย MRT ลงที่สถานี Xiangtian Temple แล้วเดินข้ามทางม้าลายมายัง Taipei Fish Market ได้ อาจจะเดินทางยากนิดนึง แต่รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
หนึ่งในเสน่ห์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในไต้หวัน นั่นก็คือตลาดยามค่ำคืนที่มีทั่วไต้หวัน ไม่ว่าจะไปเมืองไหน ก็มักจะได้เห็นตลาดยามค่ำคืนกันได้ทุกที่ ซึ่งถ้าหากใครไปแถวไทเปอยู่แล้ว ก็จะมีที่เด่น ๆ อย่าง Ningxia Night Market, Raohe Street Night Market หรือแม้แต่ Linjiang Night Market ส่วนเมืองอื่น ๆ ที่ดัง ๆ หน่อยก็จะมีในเมืองเถาหยวน ที่มี Night Market ชื่อดังระดับหนึ่ง สำหรับอาหารที่ขายใน Night Market ส่วนมาก ก็จะเป็นอาหารท้องถิ่นของไต้หวัน ที่หลายคนอาจจะรู้จักกันบ้างก็มีอย่างเต้าหู้เหม็น ที่มีทั้งท่านที่ชอบมาก ๆ หรือไม่ชอบไปเลย เช่นกันว่า การเดิน Night Market นั้น เงินสดถือว่าสำคัญมาก เพราะส่วนใหญ่จะรับแค่เงินสดในการชำระเงินเท่านั้น ฉะนั้นแลกเงินไว้ก่อนถือว่าไม่เสียหายเลย
อีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าหลายท่านน่าจะถูกใจกัน คือการชมทัศนียภาพของไต้หวันแบบ 360 องศา เพราะว่าในไต้หวันนั้น มีจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และจุดชมเมืองจุดต่าง ๆ ที่มากมายและหลากหลาย ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
มาถึงไต้หวันทั้งที ก็ไม่ควรพลาดที่จะชมบรรยากาศบนอาคารที่สูงที่สุดในไต้หวันอย่าง Taipei 101 ที่มีถึง 101 ชั้นให้ได้ชมทัศนียภาพกันแบบเต็มที่ ซึ่งการที่จะขึ้นไปชมจุดสูงสุดได้นั้น จำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าชม Taipei 101 Observatory ที่มีตั้งแต่ชั้น 89 ที่ท่านสามารถเห็นมุมมองไทเปได้แบบ 360 องศา แต่ถ้าหากท่านใจกล้าพอ ท่านสามารถซื้อตั๋วเข้าชมชั้น 101 ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของ Taipei 101 ได้ด้วยเช่นกัน ถ้าหากใครมาไทเปแล้ว ต้องได้ลองขึ้นไปชมทิวทัศน์บนจุดสูงสุดของ Taipei 101 สักครั้งในชีวิต เรียกว่าเป็นการเปิดประสบการณ์อย่างหนึ่งของท่านได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สำหรับการเดินทางมา Taipei 101 นั้นง่ายนิดเดียว เพียงเดินทางด้วย MRT สายสีแดง ลงที่สถานี World Trade Center ซึ่งจะมีทางเชื่อมไปยัง Taipei 101 Shopping Center ที่ท่านสามารถซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านได้ แถมยังเป็นที่ตั้งของ Apple Store สาขาแรกของไต้หวันอย่าง Apple Taipei 101 อีกด้วย
หากใครต้องการไปชมทัศนียภาพอันสวยงามของไทเป อีกสถานที่หนึ่งที่อยากจะแนะนำคือ Qingtiangang Grassland ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าธรรมชาติที่เต็มไปด้วยจุดชมวิวที่สวยงามหลายจุด รวมไปถึง มีจุดที่มองเห็น Taipei 101 ได้แบบชัด ๆ อีกจุดหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินรอบวงที่ระยะทางค่อนข้างยาวพอสมควร มีจุดถ่ายรูปธรรมชาติที่หลากหลายมาก ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ และอยากสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติแบบสงบ รวมถึงได้จำนวนก้าวจากการเดินรอบวงได้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งที่อาจจะต้องระวังนิดหน่อยสำหรับการเดินบนเส้นทางนั้นคือ อาจจะมีสัตว์เข้ามาบุกท่านได้ ซึ่งในแต่ละจุดนั้น จะมีไม้กั้น ให้เราหลบหลังไม้ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง สำหรับการเดินทางมานั้น สามารถมาได้ด้วยรถเมล์สาย S15 จากสถานี MRT Shilin ซึ่งวิ่งตรงมายังจุดหมายปลายทางได้เลย
มาถึงตรงนี้แล้ว หลายท่านเองก็อยากจะเดินทางไปไต้หวันแล้ว แต่ก่อนที่ท่านจะแพ็กกระเป๋าไป เรามีคำแนะนำบางอย่างเพื่อให้ท่านสามารถเดินทางไปไต้หวันได้อย่างอุ่นใจได้ อย่างแรกเลย ถ้าหากท่านมาที่ไต้หวันเป็นครั้งแรก เราแนะนำให้ท่านซื้อบัตร Easy Card มาไว้ก่อน เพราะว่าบัตร Easy Card นั้นถือเป็นบัตรที่สามารถใช้จ่ายในการเดินทางไปไหนมาไหนได้ด้วยรถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น MRT รถเมล์ หรือแม้แต่ใช้ YouBike ก็สามารถใช้งาน Easy Card ได้ใบเดียว ขณะเดียวกัน Easy Card ยังสามารถนำไปใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ ได้ และยังสามารถใช้กับตู้ล็อกเกอร์ฝากของที่อยู่ในสถานี MRT ได้ด้วย ข้อเสียนิดหน่อยสำหรับ Easy Card คือ จะไม่สามารถใช้ร่วมกับรถไฟความเร็วสูงในไต้หวันได้
สิ่งถัดมาที่ต้องเตรียมด้วย ก็คือการแลกเงิน เพราะว่าในไต้หวันนั้น หลายสถานที่ยังต้องใช้เงินสดอยู่ ฉะนั้น การแลกเงินไปเที่ยวไต้หวันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจำเป็นพอสมควร ซึ่งสกุลเงินที่ใช้จะเป็น ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (New Dollar Taiwan หรือ NTD) และถ้าหากใครที่กำลังมองหาจุดแลกเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่ที่เรตดีที่สุดในตลาด แต่ไม่ต้องเดินทางไปที่จุดแลกเงินด้วยตัวเอง เราขอแนะนำบริการ X-One Delivery บริการแลกเงินถึงที่ที่ง่ายและสะดวกที่สุดในท้องตลาด สำหรับท่านที่สนใจบริการนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการนี้ได้จากบล็อกนี้ได้เลย สำหรับใครที่สนใจแลกเงินเรทดี พร้อมบริการ Delivery ส่งตรงถึงมือ เพื่อความคุ้มค่าและสะดวกสบายที่สุด สามารถเช็คอัตราแลกเปลี่ยนรายวันแลกเงินได้กับ X-One Currency Exchange Center
ศึกษาประวัติศาสตร์ไต้หวัน
อนุสรณ์สถานเจียง ไคเชก
วัดหลงซาน (Longshan Temple)
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไต้หวัน
สายทาน สายช็อป ต้องไม่พลาด
ซีเหมิน สยามแห่งไทเป ใจกลางไต้หวัน
Taipei Fish Market
สัมผัสประสบการณ์สตรีทฟู้ดยามค่ำคืนใน Night Market ทั่วไต้หวัน
ครบเครื่องทั้งเรื่องป่าธรรมชาติ หรือป่าคอนกรีต
Taipei 101
Qingtiangang Grassland
เตรียมแพ็กกระเป๋าไปไต้หวัน เตรียมตัวยังไงดี